ขั้นตอนการแยกผ้าก่อนนำไปซัก
ก่อนอื่นเรารู้ได้ว่างานโรงแรมผ้าส่วนหลักใหญ่ที่ส่งมาให้ทำความสะอาดนั้นส่วนมากจะมาจากแผนกแม่บ้านและแผนกอาหารและเครื่องดื่มจากชุดพนักงานที่ใส่ทำงานและจากแขกผู้ที่มาพักกับเราสามารถแยกลำดับดังต่อไปนี้
แยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกัน
แยกสีผ้าเดียวกัน
แยกผ้าที่มีคราบสกปรกออกมาทำการแปรงหรือแช่สบู่ก่อนนำไปซัก
แยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกัน
ทำไมต้องแยกประเภทของผ้าที่เป็นชนิดเดียวกันเพราะในการที่ผ้าชนิดเดียวกันการถูกใช้งานย่อมเหมือนกันมันจะไปสอดคล้องกับขบวนการซักที่จะสัมพันธ์กันของในเรื่องเวลาในการซัก อุณหภูมิ เคมีที่ใช้ และสดวกในการจัดเก็บ
ยกตัวอย่างผ้าปูที่นอนกับผ้าปูโต๊ะ ที่ถูกใช้งานไม่เหมือนกันผ้าปูที่นอนจะถูกใช้งานในกรณีที่เสี่ยงต่อคราบสกปรกน้อยการซักอบรีดออกมาผ้าจะต้องสะอาดมีกลิ่นของความสะอาดหลังจากการซัก แต่ผ้าปูโต๊ะไว้สำหรับเวลาที่แขกทานอาหารย่อมมีการเปอะเปื้อนจากคราบเศษอาหารและกลิ่นอาหารฉะนั้นขั้นตอนในการซักจะแตกต่างกันไป
แยกสีผ้าเดียวกัน
การแยกสีผ้าเดียวกันจะช่วยในด้านการป้องกันสีตกใส่กันและการฟอกผ้าให้ขาวซึ่งจะมีสารฟอกขาวหรือที่เรียกกันในสถานซักอบรีดว่าบรีชหรือครอรีนที่มีคุณสมบัติการฟอกผ้าขาวได้อย่างเดียว ส่วนการฟอกผ้าสีก็จะมีเคมีที่ใช้ในการฟอกผ้าสีต่างหากที่สามารถใช้ในการฟอกได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสีที่เราเรียกทางเคมีว่าออกซิเจนบรีช
แยกผ้าที่มีคราบสกปรกออกมาทำการแปรงหรือแช่สบู่ก่อนนำไปซัก
การซักทุกครั้งเคมีและแรงเหวี่ยงของเครื่องไม่ได้ทำให้คราบสกปรกที่ติดแน่นออกได้หมดอย่างเช่นผ้าตามโรงแรม คราบเลือด คราบครีมกันแดด คราบเครื่องสำอาง คราบจำพวกนี้จะต้องมีการคัดแยกออกต่างหากสิ่งที่ได้ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนและไม่สิ้นเปลืองสิ่งที่ตามมา
บทสรุปได้ว่าถ้ามีการทำตามขั้นตอนในการแยกผ้าผลที่จะได้
ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลามาในการมาทำใหม่
ประหยัดเคมีที่ใช้
ประหยัดแรงงานและกำลังคน
ยืดอายุของผ้า